26/11/2025

5 วันในญี่ปุ่น…เพื่อเติมเต็มแรงบันดาลใจ

ภาพ : เอกณัฏฐ์ เธียรเศรษฐกุล / เรื่อง : iMArt Gallery

เยี่ยมชมศิลปะ–วัฒนธรรม–สถาปัตยกรรม ในหลายพื้นที่ของคันโต

การเดินทางครั้งนี้ของเอกณัฏฐ์ เธียรเศรษฐกุล เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ภูมิภาคคันโต ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเยี่ยมชมแหล่งศิลปะ พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ทั้งในโตเกียว นาริตะ และคามากุระ การเดินทางตลอดช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนเต็มไปด้วยสถานที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ควบคู่กับความร่วมสมัยของสังคมญี่ปุ่นในปัจจุบัน

เมื่อมาถึงญี่ปุ่น สถานที่แรกที่ไปเยี่ยมชมคือ วัดนาริตะซัง ชินโชจิ ในเมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ วัดพุทธนิกายชินกงที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 940 และถือเป็นศูนย์กลางศาสนาที่สำคัญของภูมิภาคคันโต ภายในวัดมีอาคารหลายหลังที่คงรูปแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม เช่น โถงใหญ่ เจดีย์สามชั้น และพื้นที่สวนที่กว้างใหญ่ ทำให้ผู้มาเยือนสามารถชมทั้งสถาปัตยกรรมและธรรมชาติในพื้นที่เดียวกัน

จากนั้นจึงเดินทางเข้าสู่โตเกียว ชมวัดเซ็นโซจิ (Senso-ji Temple) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดอาซากุสะ (Asakusa Temple) จุดเด่นของวัดนี้คือ ประตูคามินาริมง (Kaminarimon): ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ที่มีโคมไฟสีแดงขนาดยักษ์เป็นสัญลักษณ์ ถนนนากามิเสะโดริ (Nakamise-dori): ถนนช้อปปิ้งที่มีร้านค้าขายของที่ระลึกและขนมแบบดั้งเดิมมากมาย ทอดยาวไปจนถึงตัววัด อาคารหลัก (Kannon-do): เป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตา ประวัติศาสตร์อันยาวนาน: เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 645 วัดเซ็นโซจิเป็นสถานที่ที่สำคัญทางจิตวิญญาณและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดหากไปเยือนโตเกียว

และแวะเยี่ยมชมร้านอุปกรณ์ศิลปะชื่อดัง Sekaido ในย่านชินจูกุ ร้านนี้ก่อตั้งมากว่า 70 ปี และเป็นหนึ่งในร้านขายอุปกรณ์ศิลปะที่ครบวงจรที่สุดของญี่ปุ่น มีทั้งสี วัสดุวาดเขียน กระดาษ อุปกรณ์ออกแบบ ไปจนถึงอุปกรณ์สำหรับงานศิลป์ทุกแขนง จนได้รับความนิยมจากทั้งศิลปินและนักศึกษาออกแบบ

การชมงานศิลปะครั้งสำคัญเกิดขึ้นที่ Tokyo Metropolitan Art Museum ภายในสวนอุเอโนะ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะเก่าแก่ที่เปิดทำการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดนิทรรศการระดับนานาชาติอยู่เสมอ หนึ่งในนั้นคือนิทรรศการแวนโก๊ะที่รวบรวมผลงานต้นฉบับจากพิพิธภัณฑ์ต่างประเทศ นำเสนอทั้งภาพวาด เทคนิคการใช้สี และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเส้นทางศิลปะของแวนโก๊ะอย่างละเอียด

เมื่อเดินทางออกจากโตเกียวสู่เมืองคามากุระ ได้เยี่ยมชม วัดโคโตคุอิน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระใหญ่ไดบุตซึ พระพุทธรูปสำริดสูงกว่า 13 เมตร สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 เดิมทีพระองค์ประดิษฐานอยู่ในวิหารไม้ แต่ถูกพายุและสึนามิทำลายหลายครั้ง จนเหลือเพียงพระพุทธรูปกลางแจ้งดังที่เห็นในปัจจุบัน วัดแห่งนี้จึงมีทั้งคุณค่าทางงานหล่อสำริดและประวัติศาสตร์เมืองคามากุระ

การเดินทางกลับเข้าโตเกียวยังรวมถึงการเดินเล่นใน สวนสาธารณะอุเอโนะ สวนสาธารณะเก่าแก่ที่เปิดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1873 ซึ่งเป็นพื้นที่รวมพิพิธภัณฑ์ ศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติไว้ในพื้นที่เดียว ต่อจากนั้นยังได้เยี่ยมชมพื้นที่ของคณะศิลปกรรมและพิพิธภัณฑ์ของ มหาวิทยาลัยโตเกียว ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1877 โดดเด่นด้านงานวิจัยเชิงศิลปะ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม

หนึ่งในไฮไลต์ของการเดินทางคือการเยี่ยมชมนิทรรศการสถาปัตยกรรมที่ Mori Art Museum – นิทรรศการ “The Architecture of Sou Fujimoto: Primordial Future Forest” พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้นสูงของอาคาร Mori Tower ในย่านรปปงงิ และเป็นศูนย์กลางศิลปะร่วมสมัยของญี่ปุ่น นิทรรศการของ Sou Fujimoto นำเสนอแนวคิดสถาปัตยกรรมที่ผสานธรรมชาติและเส้นใยความคิดเรื่อง “อนาคต” ผ่านงานติดตั้งและแบบจำลองที่ถูกออกแบบอย่างลึกซึ้ง

หลังจากเสร็จกิจกรรมทั้งหมด จึงเดินทางกลับประเทศไทย พร้อมบันทึกข้อมูลและประสบการณ์จากสถานที่สำคัญด้านศิลปะและวัฒนธรรมในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น การเดินทางครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญในการศึกษาและเก็บข้อมูลเชิงศิลป์จากสถานที่ระดับโลกที่หลากหลาย ทั้งพิพิธภัณฑ์ วัดโบราณ สถาปัตยกรรมร่วมสมัย และสถานที่การศึกษาด้านศิลปะชั้นนำ

Share