ผู้เขียน : เอกณัฏฐ์ เธียรเศรษฐกุล
Dada -ดาดา ศิลปะแห่งความไร้สาระและการท้าทาย
สวัสดีครับ! วันนี้เราจะมาคุยกันถึงหนึ่งในลัทธิศิลปะที่มีความโดดเด่นและเปลี่ยนแปลงโลกศิลปะไปตลอดกาล นั่นก็คือ ดาดา หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Dada หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อแต่ไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรคือดาดา มาทำความรู้จักกันให้ลึกซึ้งขึ้นในบทความนี้ครับ!
จุดเริ่มต้นของดาดา
ลัทธิดาดาเริ่มต้นขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1916 ที่เมือง ซูริค (Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยกลุ่มศิลปินและนักเขียนที่มีความรู้สึกไม่พอใจต่อโลกและศิลปะแบบเดิมๆ นี่คือช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความโกลาหลและความไม่สงบศึก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเริ่มตั้งลัทธิที่ท้าทายทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกของศิลปะและสังคม
ลัทธิดาดาไม่ได้มีความหมายที่ชัดเจน แต่มีทฤษฎีว่าคำว่า “Dada” อาจมาจากคำในภาษาโรมาเนียที่แปลว่า “ม้าเด็กเล่น” หรืออาจจะเป็นเสียงที่ฟังดูเหมือนไร้สาระ ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะของลัทธิที่เน้นความไร้สาระและการท้าทาย
ลักษณะเด่นของดาดา
ดาดามีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากลัทธิศิลปะอื่นๆ ครับ นี่คือลักษณะเด่นที่สำคัญ:
ความไร้สาระและความไม่เป็นระเบียบ
ดาดาเป็นลัทธิที่ท้าทายความเป็นระเบียบและตรรกะของศิลปะ พวกเขาสร้างสรรค์ผลงานที่ไร้สาระและไม่มีความหมายโดยตรง เช่น งานศิลปะที่ใช้สิ่งของที่ดูธรรมดาแล้วนำมารวมกันในรูปแบบที่แปลกตา
การใช้เทคนิคที่ไม่คาดคิด
ศิลปินดาดามักใช้เทคนิคที่ไม่เคยใช้มาก่อน เช่น การนำวัตถุที่ไม่เกี่ยวข้องกันมารวมกันในงานศิลปะ หรือการใช้คำที่ไม่มีความหมายในการสร้างผลงาน
การประท้วงและการวิจารณ์สังคม
ดาดามีเป้าหมายในการวิจารณ์และประท้วงต่อสังคมและศิลปะแบบเดิม พวกเขาเชื่อว่าการท้าทายความเป็นจริงจะช่วยเปิดโอกาสให้เกิดความคิดใหม่ๆ
ศิลปินที่สำคัญในลัทธิดาดา
มาร์เซล ดูชองส์ (Marcel Duchamp) ถือเป็นหนึ่งในศิลปินที่สำคัญที่สุดในลัทธิดาดาครับ ผลงานที่โด่งดังของเขาคือ “Fountain” ซึ่งเป็นโถปัสสาวะที่เขานำมาตั้งชื่อว่าเป็นงานศิลปะ นี่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้สิ่งของที่ไม่คาดคิดในการสร้างศิลปะ
ฮันส์ อาร์พ (Hans Arp) และ แมน เรย์ (Man Ray) ก็เป็นศิลปินที่สำคัญในลัทธิดาดาเช่นกัน โดยเฉพาะในการใช้เทคนิคและวัสดุที่แปลกใหม่ในการสร้างงานศิลปะ
การท้าทายของดาดา
ลัทธิดาดามีการท้าทายที่สำคัญในการทำลายกฎเกณฑ์และความเป็นระเบียบของศิลปะดั้งเดิม พวกเขาเชื่อว่าศิลปะที่มีอยู่ในตอนนั้นไม่สามารถสะท้อนความเป็นจริงของโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนและความยุ่งเหยิงได้เลย
ด้วยการใช้เทคนิคที่ไม่คาดคิดและการสร้างงานศิลปะที่ไร้สาระ ดาดาจึงช่วยเปิดทางให้กับการทดลองทางศิลปะใหม่ๆ และทำให้ศิลปินในยุคถัดไปเริ่มคิดค้นวิธีการสร้างสรรค์ที่หลากหลายมากขึ้น
อิทธิพลของดาดาในศิลปะ
แม้ลัทธิดาดาจะหายไปในช่วงปลายทศวรรษที่ 1920 แต่ผลกระทบของมันยังคงอยู่ในศิลปะจนถึงปัจจุบันครับ ลัทธิดาดาช่วยเปิดโอกาสให้กับการทดลองและการสร้างสรรค์ในศิลปะ และยังมีอิทธิพลต่อศิลปินในหลายๆ ด้าน
การใช้เทคนิคที่ไม่คาดคิดและการท้าทายความเป็นระเบียบของศิลปะที่ดาดาทำขึ้น เป็นแรงบันดาลใจให้กับลัทธิศิลปะอื่นๆ เช่น เซอเรียลลิสม์ (Surrealism) และลัทธิศิลปะป๊อป (Pop Art) ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาและสร้างสรรค์รูปแบบศิลปะใหม่ๆ
บทสรุป
ลัทธิดาดาเป็นลัทธิศิลปะที่ท้าทายความเป็นจริงและการสร้างสิ่งใหม่ในโลกของศิลปะ ด้วยลักษณะเด่นที่เน้นความไร้สาระและการวิจารณ์สังคม ดาดาจึงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกศิลปะและเปิดทางให้กับการทดลองทางศิลปะใหม่ๆ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจลัทธิดาดาได้ดีขึ้นและเห็นถึงความสำคัญของมันในประวัติศาสตร์ศิลปะ ขอบคุณที่ติดตามครับ!
| ภาพ | เครดิต |
Hannah Höch, Cut with the Kitchen Knife through the Last Epoch of Weimar Beer-Belly Culture in Germany, 1919, collage of pasted papers, 90×144 cm, Nationalgalerie, Staatliche Museen zu Berlin | Cover of Anna Blume, Dichtungen, 1919 | Marcel Duchamp, Fountain, 1917; photograph by Alfred Stieglitz | Dada, an iconic character from the Ultra Series. His design draws inspiration from the art movement. | en.wikipedia.org/wiki/Dada
อ้างอิง
1. Duchamp, Marcel. (2005). Marcel Duchamp: The Afternoon Interviews. MIT Press.
2. Arp, Hans. (2006). Hans Arp: The Poems. Tate Publishing.
3. Gombrich, E.H. (2000). The Story of Art. Phaidon Press.
4. Smith, David. (2002). The Dada Painters and Poets: An Anthology. University of California Press.