18/06/2023
Share

เรื่อง/ภาพ: เอกณัฏฐ์ เธียรเศรษฐกุล

ในงานนิทรรศการศิลปะระดับโลกครั้งที่ 54 *La Biennale di Venezia* หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เวนิสเบียนนาเล่” มีหนึ่งผลงานที่ดึงดูดสายตาและจิตวิญญาณของผู้ชมอย่างมาก นั่นคือ นิทรรศการของศิลปินชาวเกาหลี **Lee Yong-baek** ภายใต้ชื่อ “*The Love Is Gone but the Scar Will Heal*” หรือในชื่อภาษาไทยว่า “ความรักที่จากไป แต่แผลเป็นจะได้รับการเยียวยา”

ในฐานะผู้ที่ได้มีโอกาสชมงานศิลปะมาหลายรูปแบบ เมื่อเทียบกับยุคสมัยก่อน ผู้เขียนเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในงานศิลปะสมัยใหม่ ที่ดูจะหลุดพ้นจากขนบธรรมเนียมเดิม ๆ และมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในด้านเทคนิค แนวคิด และวิธีการนำเสนอ การเติบโตของศิลปะนี้แสดงให้เห็นถึงการเปิดรับและการเปลี่ยนแปลงในสังคมที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ย้อนกลับไปในยุคที่ผู้เขียนยังศึกษาอยู่ ระหว่างการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ศิลปะ จะพบว่าศิลปินในยุคก่อน ๆ มักยึดติดกับกรอบความคิดของยุคสมัยนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นยุคโบราณที่เน้นการบูชาเทพเจ้า ยุคกลางที่เน้นศิลปะทางศาสนา หรือยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (เรอนาซองซ์) ที่มีแนวทางศิลปะเฉพาะตัว แต่ในยุคปัจจุบัน ศิลปะกลับมีการนำเสนอที่หลากหลายมากขึ้น และไม่จำกัดเฉพาะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

เมื่อเข้าสู่พื้นที่นิทรรศการของ *Lee Yong-baek* ที่จัดขึ้นใน *เกาหลี พาวิลเลี่ยน* ผู้เขียนรู้สึกทึ่งกับการจัดแสดงที่ต่างจากพาวิลเลี่ยนอื่น ๆ อย่างชัดเจน ในขณะที่พาวิลเลี่ยนของประเทศอื่น ๆ มักจะใช้วิธีดึงดูดความสนใจด้วยป้ายหรือการแสดงผลงานที่ชัดเจน ที่นี่กลับใช้เสียงเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้เมื่อเข้าใกล้พื้นที่จัดแสดง

เสียงที่ดังขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะที่น่าตื่นเต้นนี้ มีทั้งเสียงแก้วแตก เสียงนก เสียงน้ำไหล และเสียงสวดมนต์ ทุกเสียงประสมประสานกันจนเกิดเป็นบรรยากาศที่หลอนและดึงดูดให้ผู้ชมเดินเข้าไปสำรวจในเชิงลึกยิ่งขึ้น

ภายในนิทรรศการ ประกอบด้วยผลงานหลากหลาย เช่น *Self-hatred, Self-death, Plastic Fish, In Between Jesus and Buddha* และผลงานที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด *Angel Soldier* การผสมผสานเทคนิคมัลติมีเดียเข้ากับศิลปะได้อย่างน่าทึ่ง ทุกองค์ประกอบในผลงานเหล่านี้สามารถดึงดูดและสื่อสารกับผู้ชมได้อย่างทรงพลัง

งานของ *Lee Yong-baek* แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการนำเสนอศิลปะในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่ติดกรอบเดิม ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา หรือการวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างรุนแรง แม้ว่าบางครั้งงานเหล่านี้อาจถูกมองว่าเกินเลยไปบ้าง แต่ก็ยังคงเป็นการทดลองและการสร้างสรรค์ที่ควรค่าแก่การสนับสนุนและศึกษา

ในความเห็นของผู้เขียน ศิลปะไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใด หรือมีการนำเสนออย่างไร ควรจะมีเป้าหมายในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีขึ้นให้กับสังคมและผู้คน มากกว่าที่จะมุ่งเน้นไปที่การทำลายล้างหรือก่อให้เกิดความขัดแย้ง


Share