เทศกาลศิลปะแห่งมวลมนุษยชาติกับ เวนิสเบียนนาเล่ Venice Biennale
เรื่อง / ภาพ : เอกณัฏฐ์ เธียรเศรษฐกุล
ถ้าหากดูจากหัวเรื่องผู้อ่านคงอาจจะนึกในใจในทำนองว่าจั่วหัวมาแบบเวอร์วังอลังการไปหรือเปล่า เทศกาลศิลปะก็เข้าใจอยู่หรอกว่ามันก็มีใหญ่ มีเล็ก แต่ผู้เขียนใช้คำว่าเทศกาลศิลปะแห่งมวลมนุษยชาติมันฟังดูโอเวอร์ไปมั้ย!
อยากจะบอกแบบนี้ครับไม่เวอร์ไปหรอก หากลองจินตนาการคร่าว ๆ ตามผม ว่าเทศกาลนี้เป็นเทศกาลศิลปะที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีการจัดต่อเนื่องกันมา กว่าร้อยปีแล้ว ศิลปินทั่วโลกก็ต่างใฝ่ฝันอยากเป็นตัวแทนประเทศมาจัดแสดงงานที่นี่ซักครั้งในชีวิต นักสะสมงานศิลปะทั่วโลกก็ต่างเดินทางมาเพื่อจะได้หาผลงานเพื่อเข้าไปสะสมในคอลเล็คชั่นของตัวเอง จะเก็บไว้ดู เก็บไว้เก็งกำไรในอนาคตก็ว่ากันไป ผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ หรือ แม้กระทั่งชื่นชอบศิลปินก็หวังมีโอกาสซักครั้งในชีวิตอยากได้ไปยลงานที่ตัวเองชื่นชอบ ไปเจอศิลปินที่ตัวเองชื่นชม
โดยปกติก็สามารถติดตามผลงานของศิลปินได้ในหนังสือ สื่อต่าง ๆ แบบเรียนเท่านั้น แต่นี่เราจะได้เจอทั้งงานของจริง และ เจอศิลปินตัวเป็น ๆ ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างจากเราได้เจอดาราฮอลลีวูด หรือ ดาราระดับโลกในสายของศิลปะนั่นเอง
ก่อนอื่นเลยเรา ๆ ท่าน ๆ ต้องทำความเข้าใจร่วมกันก่อนถึงคำว่า “เบียนนาเล่” มันมีความพิเศษ ความสำคัญอย่างไร หรือ แตกต่างอย่างไรกับงานแสดงศิลปะระดับนานาชาติ หากจะให้ทำความเข้าใจกันแบบเข้าถึงที่มาที่ไปเลยเราก็ต้องย้อนไปถึงต้นตอ ต้นกำเนิดของเวนิสเบียนาเล่กันก่อน
“เวนิสเบียนนาเล่” ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น “เวนิส” ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่งานแสดงศิลปะระดับตำนานนี้จะจัดแสดงที่อื่นนอกจากเมืองเวนิส แคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ประเทศที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางศิลปะ ประวัติศาสตร์ แฟชั่น และ โทคโนโลยี
อย่างที่เราทราบกันอยู่แล้วว่าเมืองเวนิสเป็นเมืองแห่งสายน้ำ การจราจรภายในเมืองจะใช้เรือในการสัญจรเป็นหลัก ส่วนที่เหลือก็เดินเอา ไม่มีรถรามาวิ่งให้ปวดหัว หรือ สร้างมลภาวะกันแต่อย่างใด กอรปทั้งภายในเมืองก็เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรตระการตา ศิลปะอันน่าทึ่งทั้งสมัยโบราณ ร่วมสมัย ไปจนถึงศิลปะสมัยใหม่ให้ได้ชมกันได้แบบไม่มีวันเบื่อ
ย้อนกลับมาถึงเวนิสเบียนนาเล่กันต่อก่อนที่ผู้เขียนจะพากันออกอ่าวออกทะเลไปซะก่อน!
คำว่า เบียนนาเล่ (Biennale) เป็นภาษาอีตาลี ซึ่งแปลว่าทุก ๆ 2 ปี ดังนั้นงานเทศกาลศิลปะนี้จึงมีการจัดขึ้นทุก ๆ 2 ปีนั่นเอง โดยเทศกาลศิลปะนี้จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1895 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแก่กษัตริย์อัมเบอร์โต ที่ 1 และ สมเด็จพระราชินีแห่งอิตาลี ในช่วงแรก ๆ นั้นจะเป็นการของศิลปินชาวอิตาลีแทบทั้งหมด แต่อาจจะโดยสถานที่ที่จัดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่แล้ว จึงทำให้สามารถดึงดูผู้คนจากทั่วสาระทิศเข้ามาชมงานกันอย่างล้นหลาม แต่มากขึ้นเรื่อย ๆ ในการจัดแสดงเทศกาลศิลปะในครั้งต่อ ๆ มา (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็ยังเคยทรงโปรดเสด็จฯ ร่วมงานเทศกาลศิลปะเวนิสเบียนนาเล่ถึงสองครั้ง ในปี ค.ศ. 1897 และ ค.ศ.1907)
ปัจจุบันคำว่า “เบียนนาเล่” (Biennale) จึงได้กลายเป็น “แบรนด์” ของเทศกาลศิลปะของประเทศ เมือง หรือ สถานที่ต่าง ๆ โดยมีต้นแบบมาจากเวนิสเบียนนาเล่นี่เอง มีการนำมาใช้ต่อท้ายเพื่อให้รู้ว่างานศิลปะที่จัดขึ้น “ไม่ธรรมดา” เป็นเทศกาลศิลปะที่อยู่ในระดับไม่น้อยหน้าที่ใด จึงมักนำคำว่าเบียนนาเล่มาต่อท้าย เช่น สิงคโปร์เบียนนาเล่ ฮ่องกงเบียนนาเล่ อินโดนนีเซียเบียนนาเล่ เกาหลีเบียนนาเล่ ปักกิ่งเบียนนาเล่ มะนิลาเบียนนาเล่ รวมไปถึงบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ของประเทศไทยเราอีกด้วย